พระคริสตธรรมประทีป

แบบฟอร์ม สมัคร พระคริสตธรรมประทีป

บทความ

ความเหงา – ศจ.ดร.นันทชัย มีชูธน

ความเหงา : ความรู้สึกที่เหนือคำบรรยาย -ว้าเหว่ อ้างว้าง เปล่าเปลี่ยว โดดเดี่ยว วังเวง

ปัญญาจารย์ 4: 7-12, 2 ทิโมธี 4: 16-18,  โรม 1:6

โดย ศจ.ดร.นันทชัย มีชูธน

1. คำนำ

คนไข้คนหนึ่งได้ถามหมอประจำตัวของเขาว่า “หมอครับในความคิดของหมอ หมอว่าสิ่งที่คุกคามชีวิตของคนเรามากที่สุดคืออะไร” คำตอบของหมอทำให้คนไข้รู้สึกแปลกใจ จึงถามว่า “หมอ ผมคิดว่าน่าจะเป็นโรคมะเร็งหรือหัวใจซะอีก ทำไมหมอคิดว่าเป็นโรคเหงาล่ะครับ” หมอตอบง่าย ๆ ว่า “เพราะอาการพวกนี้หมอเองก็รักษาไม่ได้”

บัตรบรรณารักษ์ในหอสมุดแห่งชาติที่ประเทศอังกฤษระบุว่าหนังสือเกี่ยวกับความเหงานั้นมีมากกว่าหนังสือเล่มใด ๆทั้งสิ้น

สายด่วนวันรุ่น วายเอฟซี บันทึกว่าในปีที่ผ่านมา(2011) มีคนโทรมา 3679 ครั้ง ปัญหาอันดับแรกของคนที่โทรเข้ามาคือ ความเหงา 3000 รายอยู่ในช่วงอายุ 20-26 ปี และในจำนวนนี้เป็นพุทธ 3277 ครั้ง คริสต์ 394 ครั้ง ศาสนาอื่น อีก 8 ครั้ง

บางคนเหงาขนาดหนักจนถึงกับจูบหน้าตัวเองในกระจกเงาในห้องน้ำก่อนออกจากบ้านไปทำงาน

ในสหรัฐอเมริกามีหุ่นเหมือนคนทุกประการวางขาย พอเป่าลมเข้าไป แล้วเอามาวางนั่งใกล้ ๆ พอเป็นเพื่อนแก้เหงาได้

* ความเหงาเป็นปัญหาของคนในยุคโลกาภิวัฒน์

* ความเหงาเป็นปัญหาที่มนุษย์ในยุคปัจจุบันประสบอยู่อย่างรุนแรง

* ความเหงาเป็นความรู้สึกของคนไทยในยุคนิกส์(NICS –Newly Industrialized

Countries ประเทศอุตสาหกรรมใหม่)

* ความเหงาเป็นปัญหาของผู้คนในศตวรรษนี้และศตวรรษหน้า

* เป็นอาการทางใจของมนุษย์ในยุคคอมพิวเตอร์

*ความเหงาในจิตใจเกิดจากการปล่อยให้วัตถุนิยมรุกเข้าครอบงำจนพื้นที่ที่เป็นส่วน

สำคัญของชีวิตอย่างเช่นความสนใจทางศาสนาและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลต้อง

เสียความสมดุลไป

2. พระคริสตธรรมคัมภีร์สอนถึงเรื่องนี้ไว้อย่างไร ?

พระคัมภีร์เดิมกล่าวไว้ว่ามนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้นไม่เหมาะที่จะอยู่คนเดียว พระเจ้าไม่ทรงมีพระประสงค์ให้คนเราอยู่คนเดียวไม่ว่าจะเป็นชีวิตคริสเตียนหรือชีวิตของมนุษย์ในสังคมปัจจุบัน

ปัญญาจารย์ 4:7 “แล้วข้าพเจ้าเห็นอนิจจังภายใต้ดวงอาทิตย์อีก” ปัญญาจารย์ 4:8 “คือ คนหนึ่งอยู่ตัวคนเดียว แต่เขาทำการงานไม่หยุดหย่อน เขาไม่เคยคิดว่า “ข้าตรากตรำทำงาน แต่ตัวข้าอด ๆ อยาก ๆ เพื่อผู้ใด” ปัญญาจารย์ 4:10 “ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พะยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีผู้อื่นพะยุงยกเขาให้ลุกขึ้น

เปาโลกล่าวไว้ใน 2 ทิโมธี 4:16 ว่า “ในการแก้คดีครั้งแรกของข้าพเจ้านั้น ไม่มีใครเข้าข้างข้าพเจ้าสักคนเดียว เขาได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด ขอโปรดอย่าให้พวกเขาต้องได้รับโทษเลย”

เปาโลบอกว่า “ไม่มีใครเข้าข้างข้าพเจ้าเลยสักคน” “เขาได้ละทิ้งข้าพเจ้าไปหมด”

พระเยซูคริสต์เองได้ทรงประสบกับการถูกทอดทิ้ง “พระเจ้าของข้าพระองค์ ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระ องค์เสีย”(มธ.27:46)

3. ความจริงบางประการเกี่ยวกับความเหงา

จะว่าไปแล้วเราทุกคนอยู่ในอาการเหงาได้ด้วยกันทั้งนั้น  พระเยซูคริสต์ทรงประสบมาแล้ว .เปาโลเองก็เคยโดนความเหงาเล่นงานมาแล้ว ความเหงามาเยือนทั้งคนหนุ่มสาวและสูงอายุ แม้แต่เด็กๆ ก็รู้สึกเหงาได้ด้วยเช่นกัน ไม่ว่าคนมีการศึกษา หรือไร้การศึกษา หญิงหรือชาย เศรษฐีหรือยาจก กษัตริย์หรือสามัญชนก็เผชิญกับความเหงาได้เท่าๆกัน ความเหงามาเยือนคุณได้ทุกขณะ นับวันคนในโลกนี้ยิ่งเผชิญกับความเหงามากขึ้นทุกที ยิ่งโลกเรามีความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากเท่าใด คนเราก็ยิ่งพบกับความเหงามากขึ้นเท่านั้นเป็นเงาตามตัว ดร.เลวิส อาจารย์ซึ่งจากโลกนี้ไปแล้วได้กล่าวไว้ว่า “คนร่ำรวยมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเท่าใด คนยากจนก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งมีสิ่งอำนวยความปลอดภัยมากขึ้น ชีวิตของคนเราก็ยิ่งดูไม่ปลอดภัยมากขึ้นเช่นกัน”

ดร.ซีมานด์ส(Dr.Seamands) อาจารย์ที่เคยสอนผมกล่าวไว้ว่า “มนุษย์รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับชีวิต แต่มีอยู่อย่างหนึ่งที่มนุษย์ไม่รู้ นั่นคือ เราจะดำรงชีวิตให้มีความสุขอย่างแท้จริงได้อย่างไร” ด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้ คริสตจักรของพระเยซูคริสต์ควรจะทำความเข้าใจและติดตามสภาพปัญหาของสังคมเมืองใหญ่ที่เราอาศัยอยู่ในปัจจุบันนี้ ถ้าเราจะนำข่าวประเสริฐไปแบ่งปันกับคนที่อยู่ในเมืองใหญ่ หรือดำเนินชีวิตคริสเตียนที่สำแดงพระคริสต์ในชีวิตของเรา เราต้องรู้ว่าเราควรทำอย่างไร

หากพระคริสต์ประทับอยู่ในประเทศไทยเวลานี้ พระองค์จะทรงทำอะไรกับความเหงาในจิตใจของคนไทยหลายๆคน พระองค์จะทรงทำอย่างไรกับคนป่วยในโรงพยาบาลที่ความเหงาเกาะกุมใจเขาอย่างรุนแรง พระองค์จะทรงทำอย่างไรกับผู้สูงอายุที่ถูกปล่อยทิ้งไว้กับเด็กๆในภาคอีสาน เพราะลูกหลานทิ้งถิ่นไปหาเงินทองเพื่อเลี้ยงชีพ พระองค์จะทำอย่างไรกับคนชราที่บ้านบางแค พระองค์จะทรงทำอย่างไรกับผู้สูงอายุที่เดินตามยุคโลกาภิวัฒน์ไม่ทัน คนรุ่นใหม่พากันเต้นตามเสียงกลองและจังหวะใหม่ของยุคโลกาภิวัฒน์ ญาติผู้ใหญ่ของเราเต้นตามไม่ทันและถูกทิ้งให้เหงาอยู่ในบ้าน  สมาชิกจำนวนไม่น้อยในคริสตจักรก็เหงาเหมือนกัน  คุณคิดว่าพระเยซูจะทรงทำอย่างไรหากพระองค์ทรงประทับอยู่ในประเทศไทยเวลานี้

4. คนชนิดไหนที่เหงาได้ง่าย

ปัญหาสังคมและเศรษฐกิจในยุคปัจจุบันกดดันให้คนเราแยกร่างและจิตใจออกจากกันมากขึ้นทุกที บางคนมีครอบครัวก็เหมือนไม่มี พ่อแม่บางคนต้องแยกกันไปทำงานในต่างแดน เช่นพ่อไปทำงานที่ซาอุฯ แม่ไปเป็นแม่บ้านที่ฮ่องกง ลูกๆถูกส่งเข้าเรียนในโรงเรียนประจำ ดังนั้น ความเหงาจึงไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับผู้ใหญ่หรือผู้สูงวัยเท่านั้น แม้แต่เด็กๆก็รู้สึกเหงาเป็นเหมือนกัน

ความเหงาใช่ว่าจะมาเยือนแต่คนในครอบครัวเท่านั้น แต่มันเข้ามาเยือนคนในคริสตจักรด้วย คริสตจักรที่ใหญ่มากๆ สมาชิกในคริสตจักรก็ยิ่งสัมผัสกับความเหงามาก ยิ่งคริสตจักรมีคนมากเท่าใด สมาชิกก็ยิ่งพบความเหงามากขึ้นด้วย  คนเราไม่เพียงแต่ตัวแยกกันเท่านั้น แต่เรายังรู้จักกันอย่างผิวเผินจนไม่กล้าแบ่งปันสิ่งที่อยู่ลึกในจิตใจต่อกันและกันและต่อพระเจ้า ด้วยเหตุนี้เ สังคมทุกวันนี้จึงต้องมีคลับ ชมรมหรือสโมสรต่างๆอยู่มากมาย เช่น สโมสรไลอ้อนโรตารี่ ชมรมสุขภาพ ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มต่างๆที่สังคมจัดตั้งขึ้นเพื่อเราทั้งหลายจะได้ร่วมแบ่งปันสิ่งที่คนสนใจกันจริงๆ

5. ทำไมคนเราจึงเกิดความเหงา

ประการที่ 1 นักสังคมศาสตร์บอกว่ามนุษย์เราเป็นสัตว์สังคม หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องชัดเจนก็คือ พระเจ้าทรงสร้างเราให้มีธรรมชาติที่ไม่สามารถอยู่คนเดียวได้นาน

ประการที่ 2 เราได้รับการทรงสร้างให้มีความสุขถ้าได้พบปะพูดคุยกันในสังคม มีคนไปถามพระสงฆ์ที่ออกกเดินธุดงค์ปลีกวิเวกว่าเหงาหรือไม่ และคำตอบที่ได้คือไม่เหงา แต่ถึงกระนั้นพระสงฆ์เหล่านั้นก็ยังต้องมีสังคมของสงฆ์เพื่อสนทนาธรรมกัน และยังปรารถนาให้ชาวบ้านถวายภัตตาหารและฟังธรรมกัน

ประการที่ 3 มนุษย์เราได้รับการทรงสร้างให้มีความสามารถในการถ่ายทอดความคิดของตนไปยังอีกคนหนึ่งโดยใช้ภาษาเป็นสื่อ เราถูกสร้างให้เป็นทั้งนักพูดและนักฟัง เราถูกสร้างให้อยู่ร่วมกับคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่า ปัจจุบันนี้มีน้อยคนนักที่ให้ความสนใจในการฟังคนอื่น คนในยุคนี้อยากพูด แต่มีน้อยคนที่อยากฟัง มีคนพูดมาก แต่มีน้อยคนที่อยากฟัง

ผมเคยไปขอใบรับรองแพทย์จากคลินิกที่จตุจักร หมอบอกให้ผมยืนกางขา แล้วเอามือวางบนโต๊ะ ผมก็ทำตาม ภายใน 3 วินาที เสียค่าใช้จ่ายเพียง 10 บาทก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ไม่มีปฏิสัมพันธ์ใดๆ (1) กางขา (2) กางแขน (3) จ่าย 10 บาท ชีวิตของมนุษย์เราดูเหมือนถูกยุบลงเหลือเพียงตัวเลขจำนวนหนึ่งเท่านั้น คุณจำตัวเลขอะไรได้บ้าง เลขบัตรเอทีเอ็ม? เลขบัตรเครดิตวีซ่า? เลขบัตรใบขับขี่รถยนต์ เลขตู้ ป.ณ. เลขตู้เซฟธนาคาร เลขรหัสกระเป๋าทำงาน รหัสอีเมล เลขสมุดบัญชีเงินฝากธนาคาร หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่บ้าน เลขรหัสกุญแจเข้าบ้าน จนบางครั้งยืนงงอยู่ตรงหน้าตู้ที่ต้องไขกุญแจเพราะจำตัวเลขไม่ได้

เทคโนโลยีและความเจริญแบบนิกส์เจาะจงให้เราหันหน้าเข้าหาเครื่องจักร กระดาษพิมพ์ และหลอดแก้วทดลองมากกว่าหันหน้าเข้าหาคน ฟังคน รับรู้ทุกข์สุขของคน จนมีคำกล่าวว่า คนสมัยนี้เข้าใจเครื่องจักรมากกว่าเข้าใจมนุษย์ เราสนใจแต่ตัวเอง สิทธิส่วนบุคคลที่เราพึงมีจนเรานำมาใช้แบ่งเขต และกั้นมนุษย์ให้อยู่ในกรอบของสิทธิ ยกตัวอย่างเช่น นักศึกษาคนหนึ่งเขียนป้ายที่ห้องพักในหอพักของเขาว่า “ผมเป็นแค่บัตรคอมพิวเตอร์ อย่าฟังผม ไม่ต้องยุ่งกับผม ไม่ต้องสนใจผม ไม่ต้องมาแคร์ผม”

6. แล้วคริสเตียนจะทำอย่างไรในเชิงปฏิบัติ ?

คริสเตียนควรแสดงถึงความห่วงหาอาทรต่อพ่อแม่พี่น้อง เพื่อนและคนรอบข้าง หากคุณประพฤติปฏิบัติได้อย่างถูกต้องเหมาะสม คุณจะแตะจุดที่สังคมต้องการมากที่สุด คริสเตียนควรทำแบบเดียวกับพระเยซูคริสต์ นั่นคือสละชีวิตและสิทธิอันพึงมีพึงได้ของตน และทุ่มเทความสนใจของคุณเพื่อเข้าถึงจิตใจของคนในยุคนี้ เราต้องเข้าไปอยู่ในโลกแห่งความนึกคิด โลกสังคมชุมชนของคนทั้งหลายให้ได้ หากคริสตจักรทำได้สำเร็จ คริสตจักรก็จะไปถึงจุดที่เป็นความปรารถนาของคนทั้งหลายในเวลานี้

คริสเตียนในยุคปัจจุบันต้องสำแดงออกถึงความเชื่อของตนด้วยความเข้าใจและให้ความสนใจคนอื่นๆให้มากขึ้น เราต้องก้าวเข้าไปอยู่ในโลกที่เต็มไปด้วยคำถาม ข้อสงสัยที่ติดแน่นอยู่ในสมองและความคิดของคนทั้งหลาย เพื่อเราจะได้เข้าใจถึงความรู้สึกนึกคิดของคนเหล่านั้นให้มากขึ้น

คนในยุคสมัยนี้น่าจะได้ยินพระเจ้าตรัสแก่เขาว่า “เรารักเจ้า” “เราห่วงเจ้า” และ “แม้นในโลกนี้มีเจ้าอยู่เพียงคนเดียว เราก็ยังรักและห่วงหาอาทรเจ้า”

พี่น้องที่รัก พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างเราทั้งหลาย  ด้วยเหตุนี้เราจึงเป็นผลการทรงสร้างที่พิเศษของพระองค์ เราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออาชีพการงาน หรือเพื่อเงิน หรือเพื่อภรรยาหรือสามีเท่านั้น  เรามิได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อศึกษาหาความรู้ หรือเพื่อเพื่อนต่างเพศ-แฟน หรือเพื่อประโยชน์ของเราเองเท่านั้น แต่เราได้รับการทรงสร้างเพื่อเป็นของพระเจ้า นกถูกสร้างขึ้นเพื่อคู่กับฟ้า ปลาถูกสร้างขึ้นเพื่อคู่กับน้ำ นกจะเหงาขนาดไหนถ้าไม่มีฟ้า ปลาจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไร้น้ำ มนุษย์เราไม่ได้เกิดมาเพื่ออยู่โดดเดี่ยวตามลำพัง เราไม่ได้ถูกสร้างขึ้นเพื่อตัวเอง คุณและผมต้องการการยอมรับ เราปรารถนาที่จะเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนที่เราอยู่ เราคงจะหาความสุขได้ยากหากคนรอบข้างในชุมชนที่เราอาศัยอยู่ไม่ยอมรับเรา

7. ความเหงากับการอยู่ตามลำพังนั้นต่างกัน

บางคนคิดว่าความเหงากับการอยู่โดยลำพังนั้นเหมือนกัน คนเราบางทีก็อยากอยู่คนเดียวบ้าง อย่างนี้ไม่เรียกว่าเหงา เพราะการแยกตัวไปทำอะไรตามลำพังคนเดียวบ้างก็เป็นสิ่งที่ดี  เช่นการแยกตัวออกไปคิดใคร่ครวญถึงชีวิตของเรา หรือเพื่ออธิษฐาน พระคัมภีร์บอกเราว่าพระเยซูทรงตื่นแต่เช้าตรู่เพื่ออธิษฐาน พระองค์ทำเช่นนี้เพื่อรับกำลัง รับความเข้าใจและรับปัญญาจากพระเจ้า ก่อนที่พระเจ้าจะทรงใช้ใคร พระองค์จะทรงนำให้คนนั้นมีโอกาสอยู่ตามลำพังกับพระองค์เสมอ เช่น อับราฮามพบพระเจ้าที่เมืองฮาราน โมเสสพบพระเจ้าที่ทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ในเมืองมีเดียน ยาโคบพบพระเจ้าที่เมืองเบธเอล ยอห์นได้รับนิมิตจากพระเจ้าบนเกาะปัทมอส เปาโลพบพระคริสต์ระหว่างทางไปยังเมืองดามัสกัส

ความเหงานั้นมีอยู่ 2 ประเภทคือ

1. เหงาภายนอก                                     2. เหงาภายใน

ความเหงาภายนอกมักเกิดขึ้นกับกลุ่มคนที่ต้องใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ เช่นคนเลี้ยงแกะ แขกยาม คนที่อยู่กลางทะเลทรายอันอ้างว้าง คนที่ใช้ชีวิตอยู่บนภูเขาสูง นายพรานที่อยู่ในป่าลึก ฯลฯ  แต่โรคเหงาที่เรากำลังพูดถึงนี้เป็นความรู้สึกที่อยู่ข้างใน แม้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเราก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ข้างใน หลายคนแม้อยู่ในคริสตจักรก็ยังรู้สึกเหงาอยู่ข้างใน สมองรับรู้ว่าเราเป็นของพระคริสต์แต่ความรู้สึกภายในจิตใจบอกว่าเราไม่ได้เป็นของพระเจ้าหรือของคริสตจักร บางคนร่วมในกิจกรรมต่างๆของคริสตจักรแต่ไม่รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของคริสตจักร รู้สึกว่าตนไม่ใช่คนสำคัญแต่อย่างใด ไม่อยากเกี่ยวข้องหรือมีสามัคคีธรรมกับใคร อยากอยู่แต่ในโลกของตนเอง เราจะแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร ?

โรม 1:6 บอกเราว่าเราได้รับการทรงเรียกจากพระเจ้าให้เป็นคนของพระเยซูคริสต์

มัทธิว 11:28 บรรดาผู้เหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนักจงมาหาเรา เราจะให้ท่านหายเหนื่อยเป็นสุข

มัทธิว 28:19-20 เราจะอยู่กับท่านทั้งหลายเสมอไปตราบจนสิ้นยุค

พระเยซูทรงลิ้มรสความเหงามาก่อน พระองค์จึงทรงเข้าใจความรู้สึกของคุณและของทุกคนในโลกนี้  ครอบครัวของพระองค์หาว่าพระองค์วิกลจริต คนทั้งหลายพากันละทิ้งพระองค์ สหายของพระองค์ปฏิเสธพระองค์ สาวกของพระองค์บอกว่าไม่รู้จักพระองค์ในยามที่ทรงต้องการเขา พระองค์ทรงโดดเดี่ยวอยู่ในถิ่นทุรกันดาร ในสวนเกทเสมนี พระองค์ทรงเผชิญกับความทุกข์เจ็บปวดและความโดดเดี่ยวอย่างเดียวดายบนกางเขน พระองค์ทรงสู้กับความรู้สึกเหล่านี้แทนคุณและผม และได้ทรงมีชัยชนะแทนคุณและผมแล้ว

คริสตจักรควรเป็นบ้านของคนที่ว้าเหว่ และคริสเตียนควรจะช่วยคนที่ว้าเหว่ด้วยการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับเพื่อน ญาติพี่น้องและคนอื่นๆ ให้เรากล้าที่จะออกจากขีวิตของเราเพื่อเข้าไปสนใจในชีวิตของคนอื่น

ถ้าเราคิดจะอยู่เพื่อตัวเราเอง เราก็จะรู้สึกว้าเหว่เป็นที่สุด แต่ถ้าเรายอมเป็นของพระคริสต์และของกันและกัน เราจะมีสันติสุขในจิตใจ คุณอยากเป็นของพระเยซูคริสต์หรือไม่ ? จงอธิษฐานทูลทุกสิ่งที่อยู่ในใจของคุณต่อพระองค์